สุดเถื่อน! หนุ่มอังกฤษโดนเจ้าถิ่นเมืองปายรุมทำร้ายกลางถนน

สุดเถื่อน! หนุ่มอังกฤษโดนเจ้าถิ่นเมืองปายรุมทำร้ายกลางถนน

วันนี้ (31 พ.ค.) น.ส.สายฝน เพ็ชร์กระจ่าง อายุ 33 ปี ชาว อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นภรรยาของนาย Luke Benjamin Thornton อายุ 37 ปี ได้แจ้งความและร้องเรียนสื่อมวลชนถึงกรณีที่สามีของตนถูกวัยรุ่นเจ้าถิ่นเมืองปายรุมทำร้าย

โดยนาย Luke มีอาชีพรับเหมาติดตั้งเครื่องปรับอากาศ 

และก่อนเกิดเหตุได้ลาพักร้อนไปเที่ยวกับเพื่อนที่อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ระหว่างทางที่เดินกลับกันมาจากรับประทานอาหาร มีการกระทบกระทั่งกับกลุ่มวัยรุ่น 3 คนที่ขี่รถจักรยานยนต์มา และกลุ่มวัยรุ่นได้เข้ามารุมทำร้ายสามีของตนจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งมีคลิปบันทึกไว้ในกล้องวงจรปิด อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าสามีและเพื่อนไม่เคยมีเรื่องกับกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้แต่อย่างใด หลังตำรวจสามารถติดตามตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 3 มาได้ มีญาติของผู้ต้องหาโทรศัพท์มาข่มขู่ตน ตนจึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงได้ร้องเรียนผ่านทางสื่อมวลชน

ขณะที่ ตำรวจเผยว่าเหตุรุมทำร้ายนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 คนคือ นายอนุพนธ์ กองพิธี อายุ 35 ปี, นายแสนเพชร โรเบิร์ต พอร์เตอร์ อายุ 29 ปี และนายกันตพงศ์ กองผกา อายุ 23 ปี พร้อมด้วยของกลางคือไม้ที่หักเป็นท่อน 3 ท่อน ได้เข้ามามอบตัวและยอมรับว่าก่อเหตุจริง ทั้งนี้ ตำรวจยังรอผลตรวจจากแพทย์โรงพยาบาลเชียงใหม่รามเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 3 คนอยู่ระหว่างการประกันตัวออกไป และรอให้พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนเสนออัยการส่งฟ้องต่อศาล

ขณะนี้ได้มีการโพสต์ภาพและข้อความถึงสถานการณ์ และภาพบรรยากาศการท่องเท่ยวในพื้นที่ป่าตอง โดยนักธุรกิจชื่อดัง นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น ประธานบริษัท พิโซน่า กรุ๊ป ,ประธานมูลนิธิพัฒนาป่าตอง คณะกรรมการตำรวจ (กตร.) สภ.ป่าตอง ได้โพสต์ข้อความและภาพทางเฟซบุ๊ค ส่วนตัว ชื่อ “prab keesin”

โดยระบุข้อความ ว่า กระอัก!!!…ป่าตอง.(เมืองท่องเที่ยวระดับโลก)..เงียบ..!!!..แถม…รัฐ..นำโดย…สรรพากรและสรรพสามิต ลงรีด ภาษี…ซ้ำเติมผู้ประกอบการต่างๆ..ทั้งนี้…ผู้ประกอบการปรับตัวไม่ทัน อ่วม!!โดนค่าปรับ กันหมด กระทบธุรกิจและการลงทุน เพราะต้องไปปรับราคาขึ้น..ส่งผลต่อการท่องเที่ยวป่า

อย่างไรก็ตามหลังมีการโพสต์ข้อความ และภาพดังกล่าวออกไป ปรากฏว่ามีประชาชนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งต่างก็สะท้องให้เห็นปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการเนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงโลว์ซีซั่นของจังหวัดภูเก็ต จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามามีจำนวนน้อย แต่ถูกหน่วยงานรัฐลงพื้นที่เพื่อเรียกเก็บภาษี ทำให้เป็นลูกโซ

เทียบสเปค Oppo Reno กับ Reno 10x Zoom และกล้อง 48 ล้านพิกเซล

Oppo แบรนด์โทรศัพท์มือถือจากจีนที่กำลังมาแรง แซงทุกโค้ง ที่ตอนนี้กำลังรุกทำตลาดอย่างหนัก ในตลาดโลกรวมไปถึงในบ้านเราด้วย โดยล่าสุดได้เปิดตัว Oppo Reno ด้วยกัน 2 รุ่น คือ Reno และ Reno 10x Zoom โดยเจ้ารุ่นน้องจะมาพร้อมกับ ชิพเซ็ต Snapdragon 710 พร้อม Android 9 และ RAM สูงสุดถึง 8 GB หน่วยความจำที่ 256GB ชิพกราฟฟิกส์เป็น Adreno 616 แบตเตอรี่ที่ 3765 mAh

ส่วนรุ่นพี่จะมาพร้อมกับชิฟเซ็ต Snapdragon 855 พร้อม Android 9 RAM สูงสุดถึง 8 GB หน่วยความจำที่ 256GB ชิพกราฟฟิกส์เป็น Adreno 640 และแบตเตอรี่ที่ 4065 mAh และ Vooc ชาร์จ, Game Boost 2.0 ที่จะช่วยรีดประสิทธิภาพของเครื่องออกาให้ได้มากที่สุด เพื่อประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีที่สุด พร้อมด้วยระบบเสียงแบบ Dolby ATMOS ที่จะให้เสียงแบบสมจริง

ในส่วนของหน้าจอ รุ่นน้องจะมากับจอแบบ AMOLED กับขนาด 6.4” ความละเอียดที่ 2340 x 1080 pixels ที่ 402 ppi ส่วนรุ่นพี่จะมาพร้อมกับจอแบบ AMOLED เช่นกัน ที่ขนาด 6.6” ความละเอียดที่ 2340 x 1080 pixels ที่ 387 ppi และแน่นอน หน้าจอแบบไร้ขอบที่กำลังเป็นเรนด์มาแรง ซึ่งครั้งนี้ Oppo มาพร้อมระบบกล้องหน้าแบบสไลด์ขึ้นด้านบนที่ไม่เหมือนใคร ด้วยการสไลด์ขึ้นเพียงข้างเดียวทำให้เกิดรูปสามเหลี่ยมด้านบนของตัวเครื่อง ซึ่งทำให้ดูเท่ ไม่เหมือนใครดี

จุดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องของกล้องที่ตัวรุ่นน้องจะได้กล้องหลังเพียง 2 ตัว ที่ 48MP ที่ค่า F 1.7 และ 5MP ที่ค่า F2.4 พร้อมฟังชั่น 4K@30fps, 1080P@60fps/30fps, 720P@60fps/30fps กล้องหน้าที่ 16MP ที่ค่า F2.0 ถ่าย 1080P/720P@30fps

ส่วนตัวรุ่นพี่จะมาพ้อมกับกล้องหัลงถึง 3 ตัว ที่ 48MP ที่ค่า F 1.7 พร้อม dual OIS กับ  8MP ที่ค่า F2.2 และ 13MP ที่ค่า F3.0 และจุดเด่นที่มีความสามารถในการซูมถึง 10 เท่า และฟังชั่น 4K@60fps/30fps, 1080P@60fps/30fps, 720P@60fps/30fps

Oppo Reno 10x Zoom เปิดให้จองล่วงหน้าในวันที่ 2 มิถุนายน นี้ ที่ช็อป Oppo ทุกสาขาและร้านค้าที่ร่วมรายการ

“สถานการณ์ ณ ปัจจุบัน มีน้ำดิบในแหล่งน้ำของเทศบาลฯ สามารถใช้ได้ไปจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ภายใต้เงื่อนไขในการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งได้มีการแจ้งสถานการณ์ให้ผู้ใช้น้ำในความรับผิดชอบได้รับทราบมาโดยตลอด พร้อมทั้งออกแผนในการบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอ เช่น การลดความดันน้ำในบางช่วงเวลา เป็นต้น แต่ถ้าไม่มีฝนตกลงมาเตรียมแผนสำรองด้วยการจัดซื้อน้ำจากแหล่งน้ำของเอกชนเพิ่มเติม เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของผู้ใช้น้ำ รวมทั้งยังได้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งด้วย”